“สุขใดเล่า จะเท่าศุกร์ เสาร์ อาทิตย์” เหล่าคนทำงานทั้งหลายคงพยักหน้าเห็นด้วยกับประโยคข้างต้นนี้…แน่ล่ะ ก็วันทำงานมันออกจะน่าเบื่อนี่นา! จะดีกว่าไหม หากเราจะเปลี่ยนวันทำงานจันทร์-ศุกร์ ให้กลายเป็นวันพิเศษ ขนาดที่พูดใหม่ได้เลยว่า “สุขใดเล่า จะเท่าจันทร์ อังคาร พุธ ฯ…” ถ้าอยากเปลี่ยน มาทำตาม 8 ต่อไปนี้กันดีกว่า
1. หัวเราะเข้าไว้… ช่วยให้สมองแล่น
งานวิจัยจากคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา ระบุว่าอารมณ์ของคนเรามีผลต่อการประมวลผลข้อมูลของสมอง ถ้าอารมณ์ดีจะช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์ ในทางกลับกันถ้าอยู่ในอารมณ์หวาดวิตก เคร่งเครียด หรือแม้แต่มีความมุ่งมั่นมากเกินไป จะมีผลทำให้คิดอะไรไม่ออก สมองไม่แล่น อารมณ์ดีหรือไม่ดีมีผลต่อกระบวนการคิดและแก้ปัญหาในเชิงสร้างสรรค์ของคนเรามากทีเดียว
ดังนั้น ถ้าคิดงานเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก อย่าลืมมีอารมณ์ขันระหว่างทำงานบ้าง การหัวเราะจะช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) นักวิชาการบางท่านนิยามสารชีวเคมีนี้ว่าเป็น “สารสุข” ทำให้เราอารมณ์ดี มีความสุข และช่วยให้ไอเดียบรรเจิดเกิดความคิดสร้างสรรค์ เรื่องไหนที่สมองกำลังตันก็จะแล่นฉิวทีเดียว
2. ไปถึงที่ทำงานให้เร็วขึ้นสัก 10 นาที และเริ่มต้นวันด้วยกิจกรรมที่คุณแฮปปี้
ลองทำกิจกรรมที่ถูกใจก่อนเวลาเริ่มงาน เช่น ดื่มกาแฟที่โปรดปรานสักถ้วย อ่านนิตยสารที่ชอบ ฟังเพลงจังหวะซอฟท์ ๆ นั่งสมาธิเงียบ ๆ ถ้าถือคติว่าเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ก็เชื่อได้เลยว่าวันนั้นทั้งวันงานคุณจะราบรื่นไม่มีสะดุด
3. ขอเวลานอกสั้น ๆ วันละ 3 ครั้ง
เมื่อเริ่มงานได้สักพัก คุณอาจเริ่มพิมพ์งานไม่คล่องสมองไม่แล่น อย่าไปนั่งกดดันตัวเอง ลองขอเวลานอกออกไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายให้สบายเนื้อสบายตัวสัก 5-10 นาที (คำเตือน : ระวัง อย่าหายตัวไปนาน อาจถูกหักเงินเดือนได้นะจ๊ะ !)
จากผลการวิจัยพบว่า คนเราจะมีสมาธิจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพราว ๆ 20 นาทีเท่านั้น เมื่อผ่านยี่สิบนาทีทองนี้ไปแล้ว ก็มีแนวโน้มว่างานจะเริ่มผิดพลาดมากขึ้น ดังนั้น หากรู้ตัวว่าเริ่มไม่มีสมาธิ ให้ลุกไปหาอะไรทำคั่นเวลาสักหน่อย (ย้ำ….หน่อยเดียวนะจ้ะ อย่าเถลไถล !) แล้วค่อยกลับมาลุยงานต่อ
Photo by rawpixel on Unsplash
1 นาทีก็ผ่อนคลายได้
อาจมีบางวันที่เวิร์คกิ้งวูแมนหรือเวิร์คกิ้งแมน จำเป็นต้องออกไปนำเสนองานหรือเข้าร่วมประชุมอย่างกะทันหัน โดยยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ Secret ขอนำเสนอวิธีคลายความประหม่าตื่นเต้นภายใน 1 นาที !
วิธีที่ 1 ประสานมือโดยให้นิ้วมือทั้ง 5 มาจรดกัน หายใจเข้าออกอย่างมีสมาธิ 2-3 ครั้ง คุณจะพบความสงบสบายในจิตใจ วิธีนี้เป็นเคล็ดลับที่หลายคนใช้เรียกความมั่นใจเมื่อต้องพูดต่อหน้าคนหมู่มาก… ซึ่งใช้ได้ผลทีเดียว
วิธีที่ 2 เพ่งสมาธิไปที่ลมหายใจ โดยหายใจเข้าลึก หายใจออกยาวจากท้อง ถ้ามีเวลาให้นึกถึงฉากหลังอันแสนสงบ เช่น ภูเขา สวนดอกไม้ ริมแม่น้ำ แล้วค่อย ๆ ท่องคำพูดง่ายๆที่ช่วยให้ใจสงบ เช่น “ฉัน-สงบ” “ฉัน-ทำได้-แน่นอน”
4. ทำใจให้มีความสุขในการทำงานร่วมกับคนอื่น
ในชีวิตการทำงาน เราอาจต้องพบปะสัมพันธ์กับคนที่มีความคิดแตกต่าง อย่ามองว่านั่นเป็นปัญหา ให้มองมุมใหม่ว่าการได้ร่วมงานกับคนที่มีทักษะและทัศนคติแตกต่างจากเรา จะช่วยทำให้ผลงานมีประสิทธิภาพและหลากหลายมากยิ่งขึ้น อ๊อฟชั่นเสริม ช่วยได้ !
หากต้องอยู่ในที่ทำงานรวมกับกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกันมากๆ เช่น คุณต้องการสมาธิขณะร่างสัญญา ส่วนเจ้านายชอบคุยโทรศัพท์เสียงดัง… อย่าปล่อยให้เรื่องยิบย่อยอย่างนี้มากวนใจ ลองพกลูกบอลคลายเครียดติดตัวไว้ ยามใดที่คุณถูกรบกวนมาก ๆ การบีบลูกบอลคลายเครียดโดยเอาใจเพ่งไปที่มือจะช่วยลดความตึงเครียดได้ หรือหากที่ทำงานมีเสียงดัง ก็อย่าลืมพกที่อุดหูติดกระเป๋าไว้ เพราะเสียงอึกทึกอาจทำให้คุณเครียดโดยไม่รู้ตัว
คอนโด แบงค์คอก เฟ’ลิซ สาทร-ตากสิน “คุ้มค่ากับการลงทุน เอาไว้อยู่เอง 1 ห้อง และปล่อยเช่า 2 ห้อง”
5. เสริมความมั่นใจให้ตัวเองด้วยการนั่งตัวตรงเสมอ
ยืดตัวให้ตรง นั่งทำงานในท่าที่ถูกสุขลักษณะ จินตนาการประหนึ่งว่ามีคนกำลังดึงเชือกบนศีรษะของคุณขึ้นจนตึง วิธีนี้นอกจากวิธีนี้จะส่งผลดีต่อแผ่นหลังแล้ว การนั่งตัวตรงยังช่วยเสริมให้ผู้นั่งเกิดความมั่นใจและภูมิใจในตัวเองด้วย
และควรเลือกขนาดโต๊ะ-เก้าอี้ให้เหมาะสมกับสรีระ โดยเฉพาะเก้าอี้ควรเลือกที่มีพนักพิงรองรับแผ่นหลัง ปรับเอนได้ตามความเหมาะสม ควรมีหมอนหนุนระหว่างช่วงหลังกับพนักพิง และเวลานั่งต้องนั่งให้เต็มก้น วางปลายเท้าให้แนบสนิทไปกับพื้น
6. สร้างแรงบันดาลใจก่อนจัดการปัญหาหนักใจ
หากต้องทำงานที่ยากเป็นพิเศษหรือเจอปัญหาหนัก ลองอ่านชีวประวัติหรือดูภาพยนตร์เกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต พวกเขาหรือเธออาจสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้ หรือไม่ก็ลองอ่านหนังสือธรรมะในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่หนักใจ แล้วคุณจะพบว่าปัญหาที่คุณประสบอยู่…ที่แท้มันก็แค่เรื่องเล็กจิ๊ดเดียว! (อ่าน Secret ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวนะ… ขอบอก !)
7. ค่อย ๆ ผ่อนงานให้เบาลงในช่วงท้ายของวัน
คนส่วนใหญ่มักเอ้อระเหยในช่วงเช้าที่เพิ่งเข้าทำงาน และช่วงบ่ายหลังทานอาหารกลางวัน ก่อนจะมาเร่งตัวเองในช่วงเย็นจนทำให้ต้องกลับบ้านดึกดื่น เราขอแนะนำให้คุณลองเปลี่ยนตารางงานใหม่ พยายามฟิตสมองและร่างกายมุทำงานชิ้นใหญ่ในระหว่างวัน ส่วนงานที่ชอบหรือถนัดค่อยเก็บมาทำในช่วงท้ายๆ ใกล้เวลาเลิกงาน… คุณจะได้ออกจากที่ทำงานอย่างผ่อนคลายมากขึ้น
8. เดินทางกลับบ้านในช่วงที่ถนนว่าง…ขึ้นอีกนิด
ทุกคนคงอยากกลับไปพักผ่อนที่บ้านเร็วๆ จึงทั้งรีบทั้งเร่งพาตัวเองเข้าไปนั่งในรถที่แออัดไปด้วยผู้คน และต้องติดแหงกอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง ๆ กว่าจะฝ่าดงรถติดมรณะไปได้ก็แทบจะหมดแรง ขอแนะนำว่าไม่ควรเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วน รอให้ผู้คนหรือรถราเบาบางลงแล้วค่อยกลับ ถ้าหากจำเป็นต้องกลับช่วงเวลานั้นก็อย่าลืมหยิบหนังสือดีๆ ติดมือไว้สักเล่ม จะฟังซีดีธรรมะหรือเปิดเพลงเพราะ ๆ ฟังระหว่างรอรถข้างหน้าขยับก็ช่วยได้ หรือไม่ก็ใช้เวลาว่างทบทวนสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นและได้ทำในวันที่ผ่านมา ก็ช่วยให้คุณผ่อนคลายได้เหมือนกัน
8 วิธีง่ายๆ เพียงเท่านี้ก็อาจเปลี่ยน “วันศุกร์” ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ ให้กลายเป็น “วันสุข(สดชื่น)” ได้ไม่ยาก !
“คอนโด แบงค์คอก ฮอไรซอน รามคำแหง รับรางวัล Property Export Awards Thailand 2018 (PEAT 2018 by NIDA & TRD)
สาขา คอนโดมิเนียมแบบสูงประเภทตกแต่งสวยงามยอดเยี่ยม”
ความเครียดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับมนุษย์แทบทุกเพศทุกวัย อีกทั้งวิธีการแก้ปัญหาความเครียดก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำง่าย ดังนั้นจึงมีคนมากมายหลายล้านคนที่ต้องเผชิญกับความเครียดซึ่งมีทั้งเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ วันนี้ผู้เขียนขอนำเสนอวิธีง่ายๆ ในการแก้ปัญหาความเครียดดังนี้
1. อย่าแยกตัวอยู่ลำพัง เมื่อเกิดความเครียดให้หาที่ปรึกษาและระบายกับคนใกล้ชิดที่สนิทและไว้วางใจ การแยกตัวอยู่ลำพังจะทำให้เรายิ่งรู้สึกจมอยู่ในความเครียดและเหมือนกับไม่สามารถหาทางออกได้ และมีโอกาสที่จะทำให้บางคนคิดสั้นได้อีกด้วย
2. เขียนระบายอารมณ์ บางครั้งเมื่อเราเครียดเราไม่อยากคุยกับใคร สิ่งที่ทำได้คือการใช้วิธีเขียนระบายอารมณ์แทน การพูดคุยกับคนอื่นอาจเป็นการช่วยระดับหนึ่ง แต่บางครั้งการพูดระบายอาจไม่ดีเท่าการเขียนระบายความรู้สึกส่วนลึกออกมา ให้เราใช้เวลากับการดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์และเขียนบันทึกสิ่งที่เป็นความรู้สึกอัดอั้นตันใจ และเราสามารถเก็บสิ่งที่เราบันทึกไว้เป็นสมบัติที่มีค่าส่วนตัวที่จะมีประโยชน์ต่อไปในอนาคตได้
3. รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ การรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมันที่มีประโยชน์รวมทั้งผักและผลไม้จะช่วยทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสมองทำงานได้อย่างดีก็จะทำให้เรามีชัยไปกว่าครึ่ง กินอาหารครบทั้ง 5 หมู่ นอกจากจะช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรงแล้วยังช่วยกำจัดความซึมเศร้าอีกด้วย อาหารเป็นเสมือนยาบำบัดรักษาภายใน
4. ทานน้ำมันปลา มีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าการทานปลาทำให้ร่างกายและสมองทำงานได้ดี เพราะมี Omega 3 และ Omega 6 ช่วยเรื่องโรคสมองเสื่อม หลอดเลือดอุดตันและความดันโลหิตสูง อีกทั้งยังมี DHA ช่วยบำรุงสมองและเส้นประสาท ลดความเครียด และป้องกันโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย
5. เล่นกับสัตว์เลี้ยง การเล่นกับสัตว์และการเลี้ยงสัตว์เป็นการระบายความเครียดที่ดีอีกวิธีหนึ่ง เพราะทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลิน มีความสุขและรู้สึกสดชื่นไปกับความน่ารักของสัตว์อย่างไม่รู้ตัว
6. ลดน้ำตาล หลายครั้งเมื่อเวลาเครียดเรามักคิดว่าการช่วยลดความเครียดง่ายๆ วิธีหนึ่งคือ การกินช็อกโกแลต หรือขนมหวานประเภทต่างๆ แต่ความจริงแล้วอาหารประเภทของหวานจะมีผลเสียต่ออารมณ์และฮอร์โมน รวมทั้งทำให้ผิวพรรณเกิดสิวได้ง่ายและยังเป็นการเพิ่มน้ำหนักตัวอีกด้วย ดังนั้นควรหยุดทานอาหารประเภทของหวานจัด แต่ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพใจและกายที่ดี
7. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายถือว่าเป็นการเอาชนะความเครียดได้ดีอีกวิธีหนึ่ง หลายคนที่ประสบปัญหาเรื่องความเครียดแล้วหาทางออกไม่ได้ จะใช้วิธีรับประทานอาหารมากเกินไปจนน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น หรือบางคนก็ไม่ทานอาหารจนร่างกายซูบผอม สิ่งหนึ่งที่ช่วยลดความเครียดได้ดีก็คือการออกกำลังกาย เริ่มต้นโดยการเดินวันละ 30 นาที และเพิ่มการออกกำลังกายมากขึ้นจนเป็นนิสัย อย่าทำหักโหมเกินไป แต่ค่อยๆทำแล้วจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่เพียงแต่น้ำหนักตัวที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังเป็นการระบายความเครียดที่มหัศจรรย์วิธีหนึ่ง ช่วยระบายความโกรธ และทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดฟินที่เป็นสารแสดงความสุขออกมาด้วย เราควรพยายามออกกำลังกายให้ได้ในทุกๆ วัน แต่อย่าคาดหวังผลที่จะเกิดขึ้นชั่วข้ามคืน เมื่อเราเริ่มออกกำลังกาย การเห็นความสำคัญของคุณค่าในตัวเองจะกลับมา จะทำให้รู้สึกว่าอยากมีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง และจะทำให้ความเศร้าโศกหรือความเศร้าใจภายในหายไป ลองปฏิบัติดูค่ะ ได้ผลอย่าคาดไม่ถึงจริงๆ
ความเครียดเป็นสิ่งที่บั่นทอนทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต ถือว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงไม่น้อยไปกว่าการเป็นโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคหัวใจ ดังนั้นเราควรรักษาสุขภาพของจิตใจให้ดีโดยไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเครียดนานจนเกินไป เพราะการมีจิตใจที่แจ่มใสนั้นจะส่งผลที่ดีต่อสุขภาพกายของเราโดยตรง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ
ข้อมูลจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์
อ้างอิงจาก : Dear Nostalgia | สมาชิก Pantip
คอนโด แบงค์คอก ฮอไรซอน รัชดา-ท่าพระ
ออกกำลังกาย คลายเครียดได้
ว่ายน้ำ เล่นกีฬา เพื่อความผ่อนคลาย
คอนโด แบงค์คอก ฮอไรซอน รัชดา-ท่าพระ
โทร. 02 460 1122 หรือ 1172 กด 5
หรือ www.cmc.co.th/CMC2017/bangkokhorizon/ratchada-thaphra/
Necessary cookies are absolutely essential for the website to function properly. This category only includes cookies that ensures basic functionalities and security features of the website. These cookies do not store any personal information.
Any cookies that may not be particularly necessary for the website to function and is used specifically to collect user personal data via analytics, ads, other embedded contents are termed as non-necessary cookies. It is mandatory to procure user consent prior to running these cookies on your website.